หมายเหตุตั้งแต่ 1 เม.ย.2566 เป็นต้นไป ผู้ผ่านการยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะเริ่มใช้สิทธิต่างๆ ในบัตรได้ ซึ่งหากดูแล้วจะมีอยู่ด้วยกัน 3 สิทธิใหญ่ๆ และ 5 สิทธิย่อย เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายประชาชนเมื่อสถานะการยืนยันตัวตนสมบูรณ์ ผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติจึงจะสามารถใช้สิทธิสวัสดิการผ่านบัตรประจำตัวประชาชนได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566
ในกรณีที่ผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติที่ยืนยันตัวตนสำเร็จตั้งแต่วันที่ 1 – 26 มีนาคม 2566 จะสามาถใช้สิทธิได้เต็มสิทธิทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กับ 3 สิทธิใหญ่ 5 สิทธิย่อย ช่วยลดค่าใช้จ่ายประชาชนตั้งแต่ 1 เม.ย.2566 เป็นต้นไป ผู้ผ่านการยืนยันตัวตนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะเริ่มใช้สิทธิต่างๆ ในบัตรได้ ซึ่งหากดูแล้วจะมีอยู่ด้วยกัน 3 สิทธิใหญ่ๆ และ 5 สิทธิย่อย เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายประชาชน
คอนเทนต์แนะนำ
ยืนยันตัวตน "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" สำเร็จ 2.7 ล้านคน พร้อมอัปเดทสิทธิล่าสุด!
เปิดแนวทาง "ยื่นอุทธรณ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565" ไม่ผ่านเกณฑ์หนี้สิน
แนะ "ยื่นอุทธรณ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565" ภายใน 1 พ.ค. 66
สิทธิใหญ่ที่ 1 การลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน แบ่งเป็น 2 สิทธิย่อยคือ
1. วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรมจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด จำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน
Powered by GliaStudio
2. วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด จำนวน 80 บาทต่อคน ต่อ 3 เดือน
สิทธิใหญ่ที่ 2 คือ ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางวงเงินรวมค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ จำนวน 750 บาทต่อคนต่อเดือน โดยสามารถใช้โดยสารได้กับระบบขนส่ง 8 ประเภท โดยไม่จำกัดวงเงินตามประเภทรถ ได้แก่
รถเมล์ ขสมก.
รถไฟฟ้าบีทีเอส / รถไฟฟ้ามหานคร หรือรถไฟใต้ดิน MRT และ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์
รถ บขส.
รถไฟ
รถเอกชนร่วม ขสมก. รถเอกชน และส่วนราชการกรุงเทพมหานคร
รถเอกชนร่วม บขส. และรถเอกชน
รถสองแถวรับจ้าง
เรือโดยสารสาธารณะ
สิทธิใหญ่ที่ 3 คือ ลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
โดยผู้มีบัตรฯ ไม่ต้องชำระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาล่วงหน้าโดยกระทรวงการคลังจะชำระตรงให้แก่ผู้ให้บริการ
1. กรณีค่าไฟฟ้า
ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือนติดกัน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ให้ใช้สิทธิค่าไฟฟ้าฟรีตามมาตรการที่มีอยู่ในปัจจุบัน
แต่หากใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วยต่อเดือน ให้ผู้มีบัตรได้รับวงเงินสำหรับชำระค่าไฟฟ้า วงเงิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีที่ใช้ไฟฟ้าเกินวงเงินที่กำหนด ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ผู้มีบัตรฯ) ที่ได้รับสิทธิจะเป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าทั้งหมด
2.กรณีค่าน้ำประปา
อุดหนุนค่าน้ำประปาจำนวน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน
กรณีที่ใช้น้ำประปาเกิน 100 บาท แต่ไม่เกิน 315 บาท ผู้มีบัตรฯ ที่ได้รับสิทธิ ยังคงได้รับการสนับสนุนในวงเงิน 100 บาท และจะต้องชำระส่วนที่เกิน 100 บาท ด้วยตนเอง แต่หากผู้มีบัตรฯ ที่ได้รับสิทธิมีการใช้น้ำประปาเกิน 315 บาท ผู้มีบัตรฯ ที่ได้รับสิทธิจะเป็นผู้รับภาระค่าน้ำประปาทั้งหมด
{Fullwidth}